ประเภทรถบรรทุกมีอะไรบ้าง? ขับรถบรรทุกต้องใช้ใบขับขี่ประเภทใด?


กรุณาปิด โปรแกรมบล๊อกโฆษณา เพราะเราอยู่ได้ด้วยโฆษณาที่ท่านเห็น
Please close the adblock program. Because we can live with the ads you see

tawann8

Member
Registered
สมัครเมื่อ
15 ธันวาคม 2020
โพสต์
54
  • กระทู้ เจ้าของ
  • #1

หลายครั้งที่ต้องขับรถอยู่บนท้องถนนแล้วต้องพบเจอกับรถบรรทุกหลากหลายรูปแบบ และต้องคอยสังเกตรหัสสัญญาณไฟต่างๆ จากรถบรรทุก (รหัสสัญญาณไฟของรถบรรทุก https://www.smk.co.th/newsdetail/184) เพื่อระแวดระวังอุบัติเหตุและภัยอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากรถบรรทุกได้อีกด้วย แล้วรถบรรทุกตามกฎหมายของประเทศไทยมีแบบไหนบ้าง?

กรมการขนส่งทางบก (https://www.dlt.go.th/) ได้ให้คำนิยามของรถบรรทุกไว้ว่า เป็นรถที่ใช้ในการขนส่งสัตว์หรือสิ่งของเพื่อค่าสินจ้างหรือเพื่อธุรกิจการค้าของตนเองโดยจะต้องมีน้ำหนักรวมไม่เกิน 1600 กิโลกรัม ซึ่งได้กำหนดลักษณะการใช้รถในการขนสิ่งของหรือสัตว์ โดยแยกรถบรรทุกออกเป็นทั้งหมด 9 ประเภท ดังนี้

1. รถกระบะบรรทุก

มีลักษณะเป็นกระบะ จะมีหลังคาหรือไม่มีก็ได้ หรือจะมีเครื่องทุ่นแรง ไว้เพื่อช่วยสำหรับยกสิ่งของได้ รวมถึงรถที่ใช้ในการบรรทุกไม่มีด้านข้างหรือด้านท้าย ใช้ใบขับขี่ชนิดที่ 2 (บ.2 , ท.2) เพื่อขับรถบรรทุก สิบล้อ,หกล้อ,รถบัส,รถเมล์,รถตู้ และรถยนต์

2. รถตู้บรรทุก

มีลักษณะเป็นตู้ทึบ และมีหลังคาและตัวถังที่บรรทุกระหว่างผู้โดยสารและผู้ขับเป็นตอนเดียว โดยจะมีประตูบานใหญ่ไว้สำหรับให้ผู้โดยสารขึ้นลง หรือจะเลือกเปิดท้ายก็ได้ ใช้ใบขับขี่ชนิดที่ 2 (บ.2 , ท.2) เพื่อขับรถบรรทุก สิบล้อ,หกล้อ,รถบัส,รถเมล์,รถตู้ และรถยนต์

3. รถบรรทุกของเหลว

เป็นรถที่ใช้ในการบรรทุกของเหลวตามความเหมาะสมและจะต้องเป็นประเภทที่มีความปลอดภัยสูง ใช้ใบขับขี่ชนิดที่ 4 (บ.4, ท.4) เพื่อขับรถขนส่งวัตถุอันตราย

4. รถบรรทุกวัสดุอันตราย

เป็นรถที่ใช้ในการบรรทุกเฉพาะเพื่อใช้ในการบรรทุกวัสดุอันตราย ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง สารเคมี วัตถุระเบิด วัสดุไวไฟ ซึ่งจะมีลักษณะเฉพาะและมีป้ายเตือนอย่างชัดเจน ใช้ใบขับขี่ชนิดที่ 4 (บ.4, ท.4) เพื่อขับรถขนส่งวัตถุอันตราย

5. รถบรรทุกเฉพาะกิจ

เป็นรถที่ใช้ในการบรรทุกที่มีลักษณะพิเศษ เพื่อใช้ในการเฉพาะ เช่น รถบรรทุกเครื่องดื่ม รถผสมซีเมนต์ รถขยะมูลฝอย รถราดยาง หรือรถเครื่องทุ่นแรงต่าง ๆ ใช้ใบขับขี่ชนิดที่ 4 (บ.4, ท.4) สามารถขับรถที่ใช้เพื่อการขนส่งวัตถุอันตราย

6. รถพ่วง

เป็นรถที่ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง จึงต้องอาศัยรถอื่นลากจูงโดยจะมีโครงรถที่มีเพลาล้อที่สมบูรณ์ในตัวเอง ใช้ใบขับขี่ชนิดที่ 3 (บ.3 , ท.3) สามารถขับได้ทั้งรถสิบล้อพ่วงและรถหัวลาก

7. รถกึ่งพ่วง

เป็นรถที่ไม่มีแรงขับเคลื่อนในตัวเอง จึงต้องใช้หัวรถลาก โดยน้ำหนักของรถบางส่วนจะต้องเฉลี่ยลงบนเพลาล้อของคันลากจูง ใช้ใบขับขี่ชนิดที่ 3 (บ.3 , ท.3) สามารถขับได้ทั้งรถสิบล้อพ่วงและรถหัวลาก

8. รถกึ่งพ่วงบรรทุกวัสดุยาง

เป็นรถที่ไว้ใช้ในการขนสิ่งของที่ยาว โดยจะมีโครงโลหะที่สามารถปรับตัวได้ตามช่วงล้อลากจูง ใช้ใบขับขี่ชนิดที่ 3 (บ.3 , ท.3) สามารถขับได้ทั้งรถสิบล้อพ่วงและรถหัวลาก

9. รถลากจูง

เป็นรถที่เป็นลักษณะสำหรับใช้ลากรถพ่วง รถกึ่งพ่วง เพราะรถเหล่านั้นจะไม่สามารถที่ขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเองจึงต้องอาศัยรถประเภทนี้ในการลากจูง ใช้ใบขับขี่ชนิดที่ 2 (บ.2 , ท.2) เพื่อขับรถบรรทุก สิบล้อ,หกล้อ,รถบัส,รถเมล์,รถตู้ และรถยนต์

รถบรรทุกติดเวลา คืออะไร?

เนื่องด้วยการจราจรที่แออัดในเขตกรุงเทพ กรมทางหลวงจึงต้องกำหนดเวลาห้ามรถบรรทุกวิ่ง เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรในช่วงเวลาเร่งรีบ ติดเวลา จึงหมายถึง ระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดห้ามรถบรรทุกตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไปวิ่งในเวลาดังกล่าว โดยจะแบ่งตามประเภทของรถบรรทุก ยิ่งคันใหญ่เวลาที่ติดก็จะมากตามไปด้วยตามขนาดของรถ

ปัจจุบันรถบรรทุกตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไป ติดเวลา ไม่สามารถวิ่งในเขตกรุงเทพได้ในเวลาดังนี้

  • ถนนในกรุงเทพ
  • รถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไป ห้ามเวลา 06:00 – 09:00 น. และเวลา 16:00 – 20:00 น. เว้นวันหยุดราชการ
  • รถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป ห้ามเวลา 06:00 -10:00 น. และ 15:00 – 21:00 น. เว้นวันหยุดราชการ
  • รถบรรทุกถังขนก๊าซ,วัตถุไวไฟ ตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไป และรถพ่วง ห้ามเวลา 06:00 – 22:00 น. ทุกวัน เว้นวันอาทิตย์
  • รถบรรทุกอื่น เช่น บรรทุกซุง,เสาเข็ม ห้ามเวลา 06:00 – 21:00 น.
  • บนทางด่วน
  • รถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไป ห้ามเวลา 06:00 – 09:00 น. และ 16:00 – 20:00 น.
  • รถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป ห้ามเวลา 06:00 – 09:00 น. และ 15:00 – 21:00 น.
  • รถบรรทุกสารเคมี ห้ามเวลา 06:00 – 10:00 น. และ 15:00 – 22:00 น.
  • รถบรรทุกที่ไม่ติดเวลาต้องมีน้ำหนักรถไม่เกิน 2,200 กก. หรือ 2.2 ตัน จึงจะสามารถวิ่งในเขตกรุงเทพฯได้โดยไม่ติดเวลา ซึ่งจะมีเพียงรถบรรทุก 4 ล้อเท้านั้นที่จะน้ำหนักไม่เกิน 2,200 กก.
ถนน 16 สายที่รถบรรทุกวิ่งได้ไม่ติดเวลา

แม้ในเวลาปกติจะมีการกำหนดเวลาการใช้งานของรถบรรทุก แต่ก็มีถนนบางเส้น รถบรรทุกจะได้รับการยกเว้น ให้สามารถวิ่งได้ตลอดเวลา ได้แก่
  • ถนนอาจณรงค์ ตั้งแต่ท่าเรือคลองเตย ถึงทางด่วนเฉลิมมหานคร
  • ถนนเกษมราษฎร์ ตั้งแต่ท่าเรือคลองเตยถึงทางด่วนเฉลิมมหานคร
  • ถนนสุวินทวงศ์ จากแยกถนนรามอินทราถึงสุดเขตกรุงเทพฯ
  • ถนนร่มเกล้า ที่มาจากทางนิมิตรใหม่ ให้ไปกลับรถมาแล้วตรงมาที่แยกนิมิตรใหม่
  • ถนนนิมิตรใหม่ ตั้งแต่ทางแยก ถนนสุวินทวงศ์ ถึงสุดเขตกรุงเทพฯ
  • ถนนอ่อนนุช ตั้งแต่แยกร่มเกล้าถึงทางแยกถนนอ่อนนุช -บางพลี
  • ถนนอ่อนนุช (ลาดกระบัง)-บางพลี ทางแยก ถนนอ่อนนุช ถึงสุดเขต กทม.
  • ถนนเจ้าคุณทหาร
  • ถนนบางนา-ตราด ตั้งแต่แยก ถนนสุขุมวิท ถึงสุดเขต กรุงเทพฯ
  • ถนนสุขุมวิท ตั้งแต่ทางแยกบางนา-ตราด ถึงสุดเขตกรุงเทพฯ
  • วงแหวนรอบนอก กาญจนาภิเษก ตลอดสาย
  • ถนนพระราม 2 (ธนบุรีปากท่อ) ทางแยกสุขสวัสดิ์-สุดเขต กทม.
  • ถนนสุขสวัสดิ์ ตั้งแต่แยกถนนพระราม 2 ถึงสุดเขต กทม.
  • ถนนบรมราชชนนี ตั้งแต่แยกวงแหวนรอบนอก กาญจนา ถึงสุดเขต กทม.
  • ถนนพุทธมณฑลสาย 2 ตั้งแต่แยก ถนนบรมราชชนนีถึงทางแยกถนนเพชรเกษม
  • ถนนเพชรเกษมแยกทางแยกวงแหวนกาญจนาภิเษก ถึงสุดเขต กทม.
ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) กรมธรรม์ที่กฎหมายบังคับตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถยนต์ บังคับให้รถยนต์ทุกคันต้องจัดทำประกันภัย เพื่อคุ้มครองความรับผิดตามกฎหมายของเจ้าของรถสำหรับความเสียหายต่อทรัพย์สิน การบาดเจ็บทางร่างกาย และ/หรือ เสียชีวิต สนใจรายละเอียด คลิก https://www.smk.co.th/productmotordetail/16 หรือ โทร.1596 Line : @smkinsurance
 





DigitalOcean Referral Badge

กรุณาปิด โปรแกรมบล๊อกโฆษณา เพราะเราอยู่ได้ด้วยโฆษณาที่ท่านเห็น
Please close the adblock program. Because we can live with the ads you see
กลับ
ด้านบน