- กระทู้ ผู้เขียน
- #1
พวงมาลัยมีความสำคัญในการช่วยควบคุมทิศทางการขับขี่ หากเราหักพวงมาลัยจนสุดจะส่งผลเสียต่อรถยนต์หรือไม่อย่างไร ส่งผลต่อระบบใดของเครื่องยนต์บาง สินมั่นคง ประกันรถยนต์ รวบรวมมาบอกกัน ดังนี้
พวงมาลัยรถยนต์ในปัจจุบันมักเป็นพวงมาลัยแบบเพาเวอร์ มี 3 แบบ ดังนี้
- แบบไฮดรอลิกส์แบบใช้น้ำมัน
- แบบไฮดรอลิกส์ร่วมกับไฟฟ้า
- แบบไฟฟ้าใช้ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างเดียวไม่มีน้ำมันเพาเวอร์
การหมุนพวงมาลัยเพื่อเลี้ยวจนสุด และออกตัวแรง
มีอันตรายและมีผลเสียต่อระบบช่วงล่าง โดยเฉพาะเพลาขับสำหรับรถขับเคลื่อนล้อหน้า ซึ่งส่งผลโดยตรงไปที่ลูกปืนของหัวเพลา หรือระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ (ในรถที่ใช้แบบน้ำมันไฮดรอลิก)
การที่หมุน พวงมาลัย จนสุดแล้วค้างทิ้งไว้นาน
จะทำให้ น้ำมันเพาเวอร์ มีความร้อนสูง และโอกาสที่จะทำให้ระบบของ พวงมาลัย เกิดความเสียหายได้ ซึ่งในที่นี้เราหมายถึง ระบบของ พวงมาลัยเพาเวอร์ แบบที่ใช้ระบบไฮดรอลิคในการสร้างความดันน้ำมันไม่ใช่ พวงมาลัย ไฟฟ้าของรถยนต์รุ่นใหม่ๆ
การหักพวงมาลัยจนสุดและแรง
ถ้าเราหักพวงมาลัยจนสุดและแรง จะเกิดแรงดันของน้ำมันเพาเวอร์ ที่ไหลย้อนกลับสูงมาก ไปดันที่ปั๊มน้ำมันเพาเวอร์ทำให้เกิดการซึมออกมาจากปั๊ม และนอกเหนือการซึม ก็เกิดการรั่วตามสายยาง และนอกจากนั้นจะทำให้ข้อต่อ ซิลยาง หรืออะไหล่บางตัวเสียหาย และต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก (ในรถที่ใช้แบบน้ำมันไฮดรอลิก)
หมุนพวงมาลัยตอนรถหยุดนิ่ง
การหมุนพวงมาลัย ในตอนที่รถหยุดนิ่งนั้น จะส่งผลเสียในระยะยาวต่อรถดังนี้
- จะทำให้ดอกยางรถยนต์ สึกเร็วกว่ากำหนด เนื่องได้รับแรงเสียดสีเต็มๆกับพื้นถนน
- การหมุนพวงมาลัยแบบวิธีนี้ ยังจะทำให้มอเตอร์พวงมาลัยไฟฟ้า ทำงานหนักกว่าปกติ เสียเร็วขึ้น และอาจต้องเปลี่ยนทั้งชุดซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง
วิธีหมุนพวงมาลัยที่ถูกต้อง
ไม่ควรหมุนสุดจนมีเสียงดัง นั่นแสดงว่าหมุนจนไปจนถึงตัวกั้นเพื่อกันการหักหมุนมากเกินไปนั่นเอง เมื่อหมุนจนสุดก็ควรคลายออกเล็กน้อยก่อนเร่งออกตัว และไม่ควรเร่งออกตัวอย่างแรง จนยางมีเสียงเพราะอาจส่งผลเสียต่อเพลาของรถเรา เวลาเลี้ยวอย่าหักพวงมาลัยแรงๆ ควรหักช้าๆ เมื่อหมุนจนสุดหรือรู้สึกว่ามัน แตะๆ แล้ว ก็ผ่อนพวงมาลัยเล็กน้อย หรือคืนพวงมาลัยเล็กน้อย เพื่อลดแรงดันน้ำมันที่จะไหลย้อนกลับ ช่วยยืดอายุการใช้งานพวงมาลัยได้
เพิ่มความคุ้มครองให้กับรถยนต์ของท่าน ด้วย[URL='https://www.smk.co.th/premotor.aspx']ประกันรถยนต์[/url]เบี้ยทไม่แพง พร้อมบริการที่สะดวก รวดเร็ว
พวงมาลัยรถยนต์ในปัจจุบันมักเป็นพวงมาลัยแบบเพาเวอร์ มี 3 แบบ ดังนี้
- แบบไฮดรอลิกส์แบบใช้น้ำมัน
- แบบไฮดรอลิกส์ร่วมกับไฟฟ้า
- แบบไฟฟ้าใช้ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างเดียวไม่มีน้ำมันเพาเวอร์
การหมุนพวงมาลัยเพื่อเลี้ยวจนสุด และออกตัวแรง
มีอันตรายและมีผลเสียต่อระบบช่วงล่าง โดยเฉพาะเพลาขับสำหรับรถขับเคลื่อนล้อหน้า ซึ่งส่งผลโดยตรงไปที่ลูกปืนของหัวเพลา หรือระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ (ในรถที่ใช้แบบน้ำมันไฮดรอลิก)
การที่หมุน พวงมาลัย จนสุดแล้วค้างทิ้งไว้นาน
จะทำให้ น้ำมันเพาเวอร์ มีความร้อนสูง และโอกาสที่จะทำให้ระบบของ พวงมาลัย เกิดความเสียหายได้ ซึ่งในที่นี้เราหมายถึง ระบบของ พวงมาลัยเพาเวอร์ แบบที่ใช้ระบบไฮดรอลิคในการสร้างความดันน้ำมันไม่ใช่ พวงมาลัย ไฟฟ้าของรถยนต์รุ่นใหม่ๆ
การหักพวงมาลัยจนสุดและแรง
ถ้าเราหักพวงมาลัยจนสุดและแรง จะเกิดแรงดันของน้ำมันเพาเวอร์ ที่ไหลย้อนกลับสูงมาก ไปดันที่ปั๊มน้ำมันเพาเวอร์ทำให้เกิดการซึมออกมาจากปั๊ม และนอกเหนือการซึม ก็เกิดการรั่วตามสายยาง และนอกจากนั้นจะทำให้ข้อต่อ ซิลยาง หรืออะไหล่บางตัวเสียหาย และต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก (ในรถที่ใช้แบบน้ำมันไฮดรอลิก)
หมุนพวงมาลัยตอนรถหยุดนิ่ง
การหมุนพวงมาลัย ในตอนที่รถหยุดนิ่งนั้น จะส่งผลเสียในระยะยาวต่อรถดังนี้
- จะทำให้ดอกยางรถยนต์ สึกเร็วกว่ากำหนด เนื่องได้รับแรงเสียดสีเต็มๆกับพื้นถนน
- การหมุนพวงมาลัยแบบวิธีนี้ ยังจะทำให้มอเตอร์พวงมาลัยไฟฟ้า ทำงานหนักกว่าปกติ เสียเร็วขึ้น และอาจต้องเปลี่ยนทั้งชุดซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง
วิธีหมุนพวงมาลัยที่ถูกต้อง
ไม่ควรหมุนสุดจนมีเสียงดัง นั่นแสดงว่าหมุนจนไปจนถึงตัวกั้นเพื่อกันการหักหมุนมากเกินไปนั่นเอง เมื่อหมุนจนสุดก็ควรคลายออกเล็กน้อยก่อนเร่งออกตัว และไม่ควรเร่งออกตัวอย่างแรง จนยางมีเสียงเพราะอาจส่งผลเสียต่อเพลาของรถเรา เวลาเลี้ยวอย่าหักพวงมาลัยแรงๆ ควรหักช้าๆ เมื่อหมุนจนสุดหรือรู้สึกว่ามัน แตะๆ แล้ว ก็ผ่อนพวงมาลัยเล็กน้อย หรือคืนพวงมาลัยเล็กน้อย เพื่อลดแรงดันน้ำมันที่จะไหลย้อนกลับ ช่วยยืดอายุการใช้งานพวงมาลัยได้
เพิ่มความคุ้มครองให้กับรถยนต์ของท่าน ด้วย[URL='https://www.smk.co.th/premotor.aspx']ประกันรถยนต์[/url]เบี้ยทไม่แพง พร้อมบริการที่สะดวก รวดเร็ว