- กระทู้ ผู้เขียน
- #1
ภายหลังจากมีการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ให้ประชาชนและผู้ประกอบการสามารถดำรงชีวิตและดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมได้ใกล้เคียงกับปกติ หลายคนเริ่มออกเดินทางท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ โดยอาจมีการเช่ารถยนต์เพื่อท่องเที่ยว หรือใช้ชีวิตที่ต่างประเทศเพื่อเรียนหรือทำงาน (อบรมต่ออายุใบขับขี่ทางออนไลน์ รู้ผลทันที ไม่เสียเวลา ช่วงโควิด-19 https://www.smk.co.th/newsdetail/1579) แล้วปัจจุบัน (2565) การทำใบขับขี่สากลจะมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง? ต้องใช้เอกสารอะไร? และใบขับขี่สากลจะสามารถใช้ได้กี่ประเทศ
ใบขับขี่สากลคืออะไร?
ใบขับขี่สากล มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “ใบขับขี่ระหว่างประเทศ” เป็นเอกสารที่ใช้ในการยืนยันตัวตนเพื่อให้ผู้ถือสามารถขับขี่รถได้ในประเทศ หรือ ดินแดนที่ไม่ใช่ประเทศบ้านเกิด การท่องเที่ยวในต่างประเทศ การไปทำงาน หรือ ไปเรียนในต่างประเทศ นอกจากจะใช้ระบบขนส่งสาธารณะของประเทศนั้นๆ แล้ว ในบางพื้นที่ การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะอาจไม่สะดวก เท่ากับการขับรถไปเอง ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่มีใบขับขี่ของประเทศไทย จะสามารถขับรถได้ แต่จำเป็นต้องมี ใบขับขี่สากล หรือ ใบขับขี่ระหว่างประเทศ และควรจะเรียนรู้กฎหมาย หรือ ข้อกำหนดในแต่ละประเทศด้วย
ขอใบขับขี่สากลมีขั้นตอนอย่างไร?
การติดต่อขอทำใบขับขี่สากลในปัจจุบัน จะต้องทำการจองคิวล่วงหน้าผ่านการจองคิวออนไลน์ในแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue หรือผ่านเว็บไซต์ https://gecc.dlt.go.th ก่อนไปติดต่อทำใบขับขี่ เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และลดขั้นตอนในการทำใบขับขี่ โดยสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 หรือสำนักงานขนส่งจังหวัดทุกจังหวัด โดยมีขั้นตอนที่กรมขนส่งทางบก ดังนี้
กรณีเป็นชาวต่างชาติ
การที่ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาเวียนนา 1968 ส่งผลให้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป กรมการขนส่งทางบกสามารถดำเนินการออกใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศภายใต้อนุสัญญาเวียนนา 1968 เพิ่มเติมจากใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศภายใต้อนุสัญญาเจนีวา 1949 เดิมที่มีผลบังคับใช้อยู่แล้ว ซึ่งมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ดังนี้
ใบขับขี่สากลคืออะไร?
ใบขับขี่สากล มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “ใบขับขี่ระหว่างประเทศ” เป็นเอกสารที่ใช้ในการยืนยันตัวตนเพื่อให้ผู้ถือสามารถขับขี่รถได้ในประเทศ หรือ ดินแดนที่ไม่ใช่ประเทศบ้านเกิด การท่องเที่ยวในต่างประเทศ การไปทำงาน หรือ ไปเรียนในต่างประเทศ นอกจากจะใช้ระบบขนส่งสาธารณะของประเทศนั้นๆ แล้ว ในบางพื้นที่ การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะอาจไม่สะดวก เท่ากับการขับรถไปเอง ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่มีใบขับขี่ของประเทศไทย จะสามารถขับรถได้ แต่จำเป็นต้องมี ใบขับขี่สากล หรือ ใบขับขี่ระหว่างประเทศ และควรจะเรียนรู้กฎหมาย หรือ ข้อกำหนดในแต่ละประเทศด้วย
ขอใบขับขี่สากลมีขั้นตอนอย่างไร?
การติดต่อขอทำใบขับขี่สากลในปัจจุบัน จะต้องทำการจองคิวล่วงหน้าผ่านการจองคิวออนไลน์ในแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue หรือผ่านเว็บไซต์ https://gecc.dlt.go.th ก่อนไปติดต่อทำใบขับขี่ เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และลดขั้นตอนในการทำใบขับขี่ โดยสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 หรือสำนักงานขนส่งจังหวัดทุกจังหวัด โดยมีขั้นตอนที่กรมขนส่งทางบก ดังนี้
- ตรวจสอบเอกสาร และออกคำขอ
- ชำระค่าธรรมเนียม ( ปิดรับชำระเงิน 15.30 น. ) / จัดทำต้นขั้วใบขับขี่ / จ่ายใบขับขี่
- สำเนาเอกสารตามข้อ 1-3 พร้อมลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้อง
- หนังสือมอบอำนาจ (ฉบับจริง) พร้อมติดอากรแสตมป์ 10 บาท
- รูปถ่าย 2 นิ้ว (4 x 6 ซม.) จำนวน 2 รูป (เป็นรูปถ่ายที่ไม่เคลือบมัน ประทับตราราชการติด) ซึ่งเป็นรูปถ่ายครึ่งตัวหน้าตรง ไม่สวมหมวกหรือแว่นตาสีเข้ม และไม่ใส่ผ้าคลุมใบหน้าหรือผ้าโพกศีรษะ เว้นแต่ผู้ซึ่งมีความจำเป็นตามศาสนา นิกายของศาสนา หรือลัทธินิยมของศาสนาของตน และถ่ายก่อนวันยื่นคำขอไม่เกิน 6 เดือน
- บัตรประชาชนผู้รับมอบอำนาจ (ฉบับจริง) ซึ่งยังไม่สิ้นอายุ
- สำเนาหลักฐานการแก้ไขชื่อ-สกุล คำนำหน้า ยศ ในกรณีที่เอกสารตามข้อ 1-3 ไม่ตรงกัน พร้อมลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้อง
- หนังสือเดินทาง เล่มที่ใช้ในการเดินทาง ประวัติหน้าที่แก้ไข (ฉบับจริง) ซึ่งยังไม่สิ้นอายุ
- บัตรประจำตัวประชาชน (ฉบับจริง) ซึ่งยังไม่สิ้นอายุ
- ใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล(ชนิด 5 ปี)หรือตลอดชีพ ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล(ชนิด 5 ปี)ซึ่งยังไม่สิ้นอายุ หรือตลอดชีพ ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อสาธารณะ ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์สาธารณะ ซึ่งยังไม่สิ้นอายุ (ฉบับจริง) ใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถตามกฎหมายว่าด้วยกรมการขนส่งทางบก ซึ่งยังไม่หมดอายุหรือใบแทนใบอนุญาตดังกล่าว ***(ฉบับจริง)***แล้วแต่กรณี
- รูปถ่าย 2 นิ้ว (4 x 6 ซม.) จำนวน 2 รูป (เป็นรูปถ่ายที่ไม่เคลือบมัน ประทับตราราชการติด) ซึ่งเป็นรูปถ่ายครึ่งตัวหน้าตรง ไม่สวมหมวกหรือแว่นตาสีเข้ม และไม่ใส่ผ้าคลุมใบหน้าหรือผ้าโพกศีรษะ เว้นแต่ผู้ซึ่งมีความจำเป็นตามศาสนา นิกายของศาสนา หรือลัทธินิยมของศาสนาของตน และถ่ายก่อนวันยื่นคำขอไม่เกิน 6 เดือน
- ค่าธรรมเนียม 505 บาท
กรณีเป็นชาวต่างชาติ
- ใบอนุญาตขับรถ (ต้องไม่ใช่ชนิดชั่วคราว)
- หนังสือเดินทาง (พร้อมฉบับจริง ต้องไม่ใช่เพื่อการท่องเที่ยว, เล่นกีฬา หรือเดินทางผ่านเมือง)
- ใบสำคัญถิ่นที่อยู่ หรือใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) หรือใบอนุญาตทำงานอิเล็กทรอนิกส์ (Digital Work Permit) ที่ยังไม่สิ้นอายุ หรือหลักฐานที่แสดงว่าเป็นผู้ได้รับการตรวจลงตราพิเศษ (Smart Visa) ที่รับรองโดยสถานทูต หรือสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศตามอนุสัญญาทั้ง 2 ฉบับ
- รูปถ่าย 2 นิ้ว 2 รูป (ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน)
การที่ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาเวียนนา 1968 ส่งผลให้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป กรมการขนส่งทางบกสามารถดำเนินการออกใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศภายใต้อนุสัญญาเวียนนา 1968 เพิ่มเติมจากใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศภายใต้อนุสัญญาเจนีวา 1949 เดิมที่มีผลบังคับใช้อยู่แล้ว ซึ่งมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ดังนี้
- ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศตามอนุสัญญาเจนีวา 1949 มีอายุ 1 ปี นำไปใช้ได้ใน 101 ประเทศทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ เป็นต้น
- ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศตามอนุสัญญาเวียนนา 1968 มีอายุ 3 ปี นับแต่วันออกใบอนุญาต หรือไม่เกินกว่าอายุของใบอนุญาตขับรถภายในประเทศที่ผู้ถือมีอยู่ นำไปใช้ได้ใน 84 ประเทศทั่วโลก เช่น บาห์เรน บราซิล เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ เป็นต้น
- สำหรับประเทศที่เข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาทั้งสองฉบับ เช่น สหราชอาณาจักร อิตาลี ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ สวีเดน รวมถึงประเทศไทย สามารถใช้ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศที่ออกตามอนุสัญญาเวียนนา 1968 เพียงฉบับเดียวได้
- สำหรับผู้ที่ต้องการขอรับใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ สามารถแจ้งรายชื่อประเทศที่ต้องการนำใบอนุญาตขับรถไปใช้ต่อเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบความเกี่ยวข้องในการร่วมเป็นภาคีตามอนุสัญญา และออกใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศให้ได้อย่างถูกต้องตามแบบที่กำหนด