- กระทู้ ผู้เขียน
- #1
“แอร์รถยนต์” เป็นอุปกรณ์ในรถยนต์ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ขับขี่และผู้โดยสารมากที่สุดเนื่องจากต้องสูดอากาศที่ผ่านออกมาจากแอร์รถยนต์ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในรถ แต่หลายครั้ง “แอร์รถยนต์” กลับถูกละเลยที่จะดูแลรักษาให้อยู่ในสภาพที่ดีและพร้อมใช้งานโดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพต่อผู้โดยสารทุกคน แล้วการล้างแอร์รถยนต์มีแบบไหนบ้าง? ควรต้องล้างแอร์รถยนต์เมื่อไร? แล้วมีที่ไหนให้บริการบ้าง?
ควรล้างแอร์รถยนต์เมื่อไร?
ช่วงหน้าฝนที่มีความชื้นมากกว่าฤดูอื่นๆ อาจประสบปัญหาแอร์รถยนต์มีกลิ่นอับ จนอาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวได้ (แก้ปัญหาแอร์เหม็นอับ https://www.smk.co.th/newsdetail/266) จึงควรล้างแอร์ทุก ๆ 1 ปี หรือประมาณระยะทาง 20,000 กิโลเมตร โดยผู้ขับขี่อาจล้างแอร์รถยนต์ก่อนกำหนดหากรถยนต์มีอาการดังนี้
1. แอร์ไม่เย็น อาจเกิดจากท่อแอร์รั่ว มีรอยแตก หรือน้ำยาแอร์น้อยเกินไป
2. แอร์มีกลิ่นอับ อาจเกิดจากความชื้นที่สะสมตลอดการใช้งาน
3. แอร์เสียงดังผิดปกติ อาจเกิดจากมอเตอร์แอร์หรือคอมเพรสเซอร์มีปัญหา
4. มีน้ำหยดในห้องโดยสาร อาจเกิดจากท่อแอร์ตัน
ล้างแอร์รถยนต์มีแบบไหนบ้าง?
1. ล้างตู้แอร์แบบถอดตู้
เป็นการล้างแอร์รถยนต์แบบถอดตู้แอร์ โดยเริ่มจากขันนอตใต้คอนโซล แล้วถอดนอตพัดลมแอร์ และปลั๊กสายไฟ จากนั้นถอดตู้แอร์และพัดลมออกมา และนำเอาคอยล์เย็นออกมาล้างตามซอกตามมุมต่างๆ โดยวิธีนี้จะต้องเติมน้ำยาแอร์เข้าไปใหม่ เปลี่ยนดรายเออร์กับวาล์วความดัน ซึ่งก็คือการเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ทั้งระบบจึงเหมาะสำหรับรถที่ระบบแอร์ผ่านการใช้งานมานาน
2. ล้างแอร์แบบไม่ถอดตู้
เหมาะกับรถยนต์รุ่นใหม่ๆ หรือรถยนต์ที่ดูแลแอร์รถยนต์อยู่เป็นประจำ เนื่องจากเป็นการล้างแอร์ที่สะดวก รวดเร็ว โดยช่างแอร์รถยนต์จะฉีดโฟมล้างคอยล์แอร์เย็นเข้าไปให้ทั่ว รอโฟมละลายประมาณ 15-20 นาที จากนั้นจึงใช้แปรงสีฟันปัดเศษฝุ่นที่ตกค้าง และฉีดน้ำเข้าไปเพื่อทำความสะอาดในขั้นตอนสุดท้าย น้ำจะไหลมาทางท่อน้ำทิ้ง
3. ล้างแบบฉีดสเปรย์ทำความสะอาดตู้แอร์
การล้างแอร์ด้วยวิธีนี้ไม่ต้องรื้อตู้แอร์ให้ยุ่งยาก แค่ใช้สเปรย์ทำความสะอาดฉีดให้ทั่วคอยล์เย็นแล้วทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จนโฟมละลายหมดจากนั้นคราบน้ำยาจะค่อยๆ ไหลออกมาพร้อมกับน้ำแอร์ตามท่อน้ำทิ้ง เหมาะสำหรับรถที่วิ่งในเมือง ฝุ่นเยอะ อาจต้องล้างแอร์ด้วยวิธีนี้ประมาณ 2-3 ครั้งต่อเดือน
ล้างแอร์รถยนต์ที่ไหนดี?
1. บริการล้างแอร์รถยนต์ FIT AUTO
ล้างแอร์ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย มีอบโอโซน จองบริการล่วงหน้าได้ ด้วยสิทธิบัตรเฉพาะ Air Klean ซึ่งเป็นการใช้กล้อง Micro Cam เพื่อตรวจสอบสภาพของตู้แอร์ด้วยระบบที่มีมาตรฐาน สะอาด และปลอดภัย พร้อมมีบริการอบโอโซน ช่วยกำจัดกลิ่นอับชื้นและเพิ่มความสดชื่นให้กับแอร์รถยนต์ สามารถจองบริการล่วงหน้าผ่านทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชันได้ง่าย ๆ ไม่ต้องเสียเวลารอคิวที่สาขา
2. บริการล้างแอร์รถยนต์ B-Quik
เป็นการล้างแบบไม่ถอดตู้แอร์ โดยใช้กล้อง Micro Cam ตามมาตรฐานของ Air Klean ทำให้สามารถตรวจสอบการทำความสะอาดผ่านหน้าจอมอนิเตอร์ได้ทั้งก่อนและหลังล้างแอร์ มาพร้อมบริการอบโอโซนสำหรับรถญี่ปุ่นและรถยุโรป นอกจากนี้ ยังมีหลายสาขาทั่วประเทศ และที่สำคัญคือ มีการรับประกัน 30 วัน หากเกิดปัญหาตู้แอร์รั่วอีกด้วย
3. บริการล้างแอร์รถยนต์ Quick Lane
ศูนย์บริการยางและรถยนต์แบบเร่งด่วนสัญชาติอเมริกันที่มีสาขาทั่วโลก มาพร้อมบริการบำรุงรักษารถยนต์อย่างครบวงจร โดยบริการล้างแอร์รถยนต์ของที่นี่เป็นแบบไม่ถอดตู้แอร์ ใช้เครื่องล้างแอร์ระบบอัตโนมัติที่มีคุณภาพ ช่วยทำความสะอาดและขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ อีกทั้งยังมีบริการอบโอโซน ทำให้แอร์รถยนต์กลับมามอบอากาศที่สดชื่นได้อีกครั้ง พร้อมสาขาให้เลือกใช้บริการทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด
4. บริการล้างแอร์รถยนต์ Air Pro
การล้างแอร์รถยนต์รูปแบบใหม่ ด้วยช่างผู้ชำนาญการด้านแอร์รถยนต์มากว่า 20 ปี ด้งบระบบล้างแอร์ที่มีมาตรฐาน SOP (Standard Operating Procedure) และใช้น้ำยาล้างแอร์ที่ผ่านการรับรองด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีการรายงานผลทั้งก่อนและหลังล้างแอร์ พร้อมบริการแบบเดลิเวอรี่ถึงหน้าบ้าน โดยใช้เวลาเพียง 60 นาทีเท่านั้น
5. บริการล้างแอร์รถยนต์ Energy Auto Service
ศูนย์บริการล้างแอร์รถยนต์ที่มีมาตรฐานและครบวงจร มาพร้อมกับโปรแกรมการล้างแอร์รถยนต์ 2 ระบบ ได้แก่ การล้างแอร์ด้วยระบบน้ำร้อน ซึ่งเป็นแบบไม่ต้องถอดตู้แอร์ โดยใช้กล้องส่องดูทั้งก่อนและหลังทำความสะอาด ส่วนอีกระบบหนึ่งคือ การล้างแอร์ด้วยเครื่อง BIO ที่มาพร้อมกับน้ำยาล้างที่ทำจากธรรมชาติ จึงไม่มีสารเคมีตกค้าง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ดูแลแอร์รถยนต์อย่างไร?
เพื่อให้แอร์รถยนต์ใช้งานได้นานๆ จึงควรมีเทคนิคในการดูแลแอร์รถยนต์ ดังนี้
• หลังสตาร์ทรถ ให้เปิดพัดลมแอร์ทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที เพื่อไล่ลมร้อน จากนั้นจึงค่อยกดปุ่มคอมเพรสเซอร์แอร์สำหรับทำความเย็น
• ก่อนดับเครื่องยนต์ ให้กดปุ่มปิดคอมเพรสเซอร์แอร์ก่อน และเปิดแต่พัดลมทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที เพื่อไล่ความชื้น
• หากไม่ได้ใช้รถยนต์นานๆ ให้เปิดหน้าต่างรถยนต์ทุกบาน เพื่อให้อากาศถ่ายเทและไล่ความชื้นภายในรถ
เพิ่มความคุ้มครองให้คุณจากเหตุไม่คาดคิด เลือกประกันภัยรถยนต์คนกรุงจากสินมั่นคงประกันภัย เบี้ยเริ่มต้น 11,600 บาท อัตราเบี้ยคงที่เท่ากันทุกปี คุ้มครองครอบคลุมทุกกรณี ไม่ว่าจะรถชนรถ รถชนของ รถคันอื่นมาชน เกิดอุบัติเหตุนอกเมือง สูญหายไฟไหม้ น้ำท่วม พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินทางรถยนต์ (Roadside Assistance Service) สนใจรายละเอียด คลิก https://www.smk.co.th/newsdetail/266 หรือ โทร.1596 Line : @smkinsurance พร้อมติดตามอ่านข้อมูลและเนื้อหาสาระดีดีเพิ่มเติมได้ที่ https://smkinsurance.blogspot.com/
ควรล้างแอร์รถยนต์เมื่อไร?
ช่วงหน้าฝนที่มีความชื้นมากกว่าฤดูอื่นๆ อาจประสบปัญหาแอร์รถยนต์มีกลิ่นอับ จนอาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวได้ (แก้ปัญหาแอร์เหม็นอับ https://www.smk.co.th/newsdetail/266) จึงควรล้างแอร์ทุก ๆ 1 ปี หรือประมาณระยะทาง 20,000 กิโลเมตร โดยผู้ขับขี่อาจล้างแอร์รถยนต์ก่อนกำหนดหากรถยนต์มีอาการดังนี้
1. แอร์ไม่เย็น อาจเกิดจากท่อแอร์รั่ว มีรอยแตก หรือน้ำยาแอร์น้อยเกินไป
2. แอร์มีกลิ่นอับ อาจเกิดจากความชื้นที่สะสมตลอดการใช้งาน
3. แอร์เสียงดังผิดปกติ อาจเกิดจากมอเตอร์แอร์หรือคอมเพรสเซอร์มีปัญหา
4. มีน้ำหยดในห้องโดยสาร อาจเกิดจากท่อแอร์ตัน
ล้างแอร์รถยนต์มีแบบไหนบ้าง?
1. ล้างตู้แอร์แบบถอดตู้
เป็นการล้างแอร์รถยนต์แบบถอดตู้แอร์ โดยเริ่มจากขันนอตใต้คอนโซล แล้วถอดนอตพัดลมแอร์ และปลั๊กสายไฟ จากนั้นถอดตู้แอร์และพัดลมออกมา และนำเอาคอยล์เย็นออกมาล้างตามซอกตามมุมต่างๆ โดยวิธีนี้จะต้องเติมน้ำยาแอร์เข้าไปใหม่ เปลี่ยนดรายเออร์กับวาล์วความดัน ซึ่งก็คือการเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ทั้งระบบจึงเหมาะสำหรับรถที่ระบบแอร์ผ่านการใช้งานมานาน
2. ล้างแอร์แบบไม่ถอดตู้
เหมาะกับรถยนต์รุ่นใหม่ๆ หรือรถยนต์ที่ดูแลแอร์รถยนต์อยู่เป็นประจำ เนื่องจากเป็นการล้างแอร์ที่สะดวก รวดเร็ว โดยช่างแอร์รถยนต์จะฉีดโฟมล้างคอยล์แอร์เย็นเข้าไปให้ทั่ว รอโฟมละลายประมาณ 15-20 นาที จากนั้นจึงใช้แปรงสีฟันปัดเศษฝุ่นที่ตกค้าง และฉีดน้ำเข้าไปเพื่อทำความสะอาดในขั้นตอนสุดท้าย น้ำจะไหลมาทางท่อน้ำทิ้ง
3. ล้างแบบฉีดสเปรย์ทำความสะอาดตู้แอร์
การล้างแอร์ด้วยวิธีนี้ไม่ต้องรื้อตู้แอร์ให้ยุ่งยาก แค่ใช้สเปรย์ทำความสะอาดฉีดให้ทั่วคอยล์เย็นแล้วทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จนโฟมละลายหมดจากนั้นคราบน้ำยาจะค่อยๆ ไหลออกมาพร้อมกับน้ำแอร์ตามท่อน้ำทิ้ง เหมาะสำหรับรถที่วิ่งในเมือง ฝุ่นเยอะ อาจต้องล้างแอร์ด้วยวิธีนี้ประมาณ 2-3 ครั้งต่อเดือน
ล้างแอร์รถยนต์ที่ไหนดี?
1. บริการล้างแอร์รถยนต์ FIT AUTO
ล้างแอร์ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย มีอบโอโซน จองบริการล่วงหน้าได้ ด้วยสิทธิบัตรเฉพาะ Air Klean ซึ่งเป็นการใช้กล้อง Micro Cam เพื่อตรวจสอบสภาพของตู้แอร์ด้วยระบบที่มีมาตรฐาน สะอาด และปลอดภัย พร้อมมีบริการอบโอโซน ช่วยกำจัดกลิ่นอับชื้นและเพิ่มความสดชื่นให้กับแอร์รถยนต์ สามารถจองบริการล่วงหน้าผ่านทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชันได้ง่าย ๆ ไม่ต้องเสียเวลารอคิวที่สาขา
2. บริการล้างแอร์รถยนต์ B-Quik
เป็นการล้างแบบไม่ถอดตู้แอร์ โดยใช้กล้อง Micro Cam ตามมาตรฐานของ Air Klean ทำให้สามารถตรวจสอบการทำความสะอาดผ่านหน้าจอมอนิเตอร์ได้ทั้งก่อนและหลังล้างแอร์ มาพร้อมบริการอบโอโซนสำหรับรถญี่ปุ่นและรถยุโรป นอกจากนี้ ยังมีหลายสาขาทั่วประเทศ และที่สำคัญคือ มีการรับประกัน 30 วัน หากเกิดปัญหาตู้แอร์รั่วอีกด้วย
3. บริการล้างแอร์รถยนต์ Quick Lane
ศูนย์บริการยางและรถยนต์แบบเร่งด่วนสัญชาติอเมริกันที่มีสาขาทั่วโลก มาพร้อมบริการบำรุงรักษารถยนต์อย่างครบวงจร โดยบริการล้างแอร์รถยนต์ของที่นี่เป็นแบบไม่ถอดตู้แอร์ ใช้เครื่องล้างแอร์ระบบอัตโนมัติที่มีคุณภาพ ช่วยทำความสะอาดและขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ อีกทั้งยังมีบริการอบโอโซน ทำให้แอร์รถยนต์กลับมามอบอากาศที่สดชื่นได้อีกครั้ง พร้อมสาขาให้เลือกใช้บริการทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด
4. บริการล้างแอร์รถยนต์ Air Pro
การล้างแอร์รถยนต์รูปแบบใหม่ ด้วยช่างผู้ชำนาญการด้านแอร์รถยนต์มากว่า 20 ปี ด้งบระบบล้างแอร์ที่มีมาตรฐาน SOP (Standard Operating Procedure) และใช้น้ำยาล้างแอร์ที่ผ่านการรับรองด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีการรายงานผลทั้งก่อนและหลังล้างแอร์ พร้อมบริการแบบเดลิเวอรี่ถึงหน้าบ้าน โดยใช้เวลาเพียง 60 นาทีเท่านั้น
5. บริการล้างแอร์รถยนต์ Energy Auto Service
ศูนย์บริการล้างแอร์รถยนต์ที่มีมาตรฐานและครบวงจร มาพร้อมกับโปรแกรมการล้างแอร์รถยนต์ 2 ระบบ ได้แก่ การล้างแอร์ด้วยระบบน้ำร้อน ซึ่งเป็นแบบไม่ต้องถอดตู้แอร์ โดยใช้กล้องส่องดูทั้งก่อนและหลังทำความสะอาด ส่วนอีกระบบหนึ่งคือ การล้างแอร์ด้วยเครื่อง BIO ที่มาพร้อมกับน้ำยาล้างที่ทำจากธรรมชาติ จึงไม่มีสารเคมีตกค้าง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ดูแลแอร์รถยนต์อย่างไร?
เพื่อให้แอร์รถยนต์ใช้งานได้นานๆ จึงควรมีเทคนิคในการดูแลแอร์รถยนต์ ดังนี้
• หลังสตาร์ทรถ ให้เปิดพัดลมแอร์ทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที เพื่อไล่ลมร้อน จากนั้นจึงค่อยกดปุ่มคอมเพรสเซอร์แอร์สำหรับทำความเย็น
• ก่อนดับเครื่องยนต์ ให้กดปุ่มปิดคอมเพรสเซอร์แอร์ก่อน และเปิดแต่พัดลมทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที เพื่อไล่ความชื้น
• หากไม่ได้ใช้รถยนต์นานๆ ให้เปิดหน้าต่างรถยนต์ทุกบาน เพื่อให้อากาศถ่ายเทและไล่ความชื้นภายในรถ
เพิ่มความคุ้มครองให้คุณจากเหตุไม่คาดคิด เลือกประกันภัยรถยนต์คนกรุงจากสินมั่นคงประกันภัย เบี้ยเริ่มต้น 11,600 บาท อัตราเบี้ยคงที่เท่ากันทุกปี คุ้มครองครอบคลุมทุกกรณี ไม่ว่าจะรถชนรถ รถชนของ รถคันอื่นมาชน เกิดอุบัติเหตุนอกเมือง สูญหายไฟไหม้ น้ำท่วม พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินทางรถยนต์ (Roadside Assistance Service) สนใจรายละเอียด คลิก https://www.smk.co.th/newsdetail/266 หรือ โทร.1596 Line : @smkinsurance พร้อมติดตามอ่านข้อมูลและเนื้อหาสาระดีดีเพิ่มเติมได้ที่ https://smkinsurance.blogspot.com/