- กระทู้ ผู้เขียน
- #1
เบรคมีความสำคัญอย่างมากสำหรับผู้ใช้รถ ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัย ดังนั้นเราควรจะทราบถึงวิธีการดูแล การสังเกต และการตรวจเช็คเบรคแบบง่ายๆ ซึ่งวันนี้ได้รวบรวมข้อมูลมาแนะนำกันดังนี้
การดูแลรักษาเบรครถยนต์
- ควรเปลี่ยนผ้าเบรคทุก 25,000 กม. สำหรับรถเกียร์อัตโนมัติ หรือ เมื่อผ้าเบรคมีความหนาน้อยกว่า 4 มม หรือเหลือผ้าเบรคน้อยกว่า 30% ซึ่งขึ้นอยู่กับการใช้งาน หากเป็นรถที่มีการบรรทุกน้ำหนักมาก หรือการขับขี่ในเมืองที่มีการเบรคบ่อยๆ อายุผ้าเบรคจะสั้นลง
- ควรเปลี่ยนน้ำมันเบรคควรทุก 40,000 กม.
การตรวจเช็คน้ำมันเบรค
- ตรวจระดับน้ำมันเบรค ต้องมีระดับไม่ต่ำกว่า Min และไม่เกินระดับ Max ระวังอย่าเติมให้เกินระดับ Max
- ถ้าน้ำมันเบรคมีสีดำแสดงว่าลูกยางเบรคเสื่อมสภาพ ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรคใหม่และควรเปลี่ยนลูกยางเบรคใหม่
- สำรวจล้อตรงเบรคแต่ละข้างว่ามีคราบน้ำมันเบรคซึมออกมาหรือไม่ อาจมีการรั่วซึมของระบบเบรคได้
การทดสอบระบบเบรค
ทดสอบโดยขับรถที่ความเร็วประมาณ 40 กม.ต่อชั่วโมง จับพวงมาลัยหลวมๆ แล้วทำการเหยียบเบรคลงไปทันที แล้วสังเกตการหมุนของพวงมาลัย ถ้าไม่หมุนแสดงว่าปกติ แต่ถ้าพวงมาลัยหมุนควรไปตรวจเช็คระบบเบรคอย่างละเอียด
การสังเกตเบรคว่ามีปัญหาหรือไม่
- ถ้ามีเสียงขณะเหยียบเบรค
- หากเบรคแล้วเกิดเสียง "เอี๊ยด" เป็นสัญญาณเตือนของ ผ้าเบรค กับ จานเบรค ที่น่าจะเสียดสีกัน จนทำให้เกิดเสียงขึ้นมา หากใช้ต่อไปอาจทำให้จานเบรคเป็นรอย เมื่อจานเบรคถูกขูดเป็นรอยลึกมากๆ อาจไม่สามารถเจียได้ อาจต้องเปลี่ยนจานเบรคใหม่
- หากเบรคแล้วเกิดเสียง"ครืด" อาจเป็นไปได้ว่า ผ้าเบรค กับ จานเบรค สกปรก อาจจะเกิดจากฝุ่นหรือหินหลุดเข้าไปเสียดสีกัน แต่ถ้าดังหลังจากที่เพิ่งขับรถลุยน้ำมา เป็นเพราะสาเหตุผ้าเบรคเปียกน้ำ เมื่อขับไปสักพักเสียงก็จะหายไปเอง
- เกิดเสียงคล้ายเหล็กขูดกัน และสั่นแรงถึงแป้นเบรกลักษณะนี้เป็นสัญญาณบอกว่าผ้าเบรกหมดเกลี้ยงแล้ว นั่นคือตัวผ้าเบรกเหลือน้อยต่ำกว่ามาตรฐานหรืออาจหมดเกลี้ยงจนถึงแผ่นโลหะที่ยึดผ้าเบรก จึงเกิดการเสียดสีระหว่างเหล็กกับเหล็ก และเกิดเสียงดังขึ้น
- การดึงเบรคหากเราต้องดึงขึ้นสูงกว่าปกติ นี่ก็เป็นสัญญาบอกอย่างหนึ่งว่าเราอาจจะต้องเปลี่ยน ผ้าเบรค ได้แล้ว
- การเหยียบเบรคในแต่ละครั้งจะต้องเหยียบลึกกว่าปกติ ควรเข้าศูนย์ซ่อมเพื่อตรวจเช็ค
- สังเกตจากสัญญานไฟเตือนขึ้นที่หน้าปัดรถ
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการตรวจเช็คเบื้องต้นที่สามารถดูแลได้ด้วยตัวเอง ไม่ควรละเลยระบบเบรคเพราะมีส่วนสำคัญอย่างมากในขับขี่ให้ปลอดภัย
การทำประกันภัยรถยนต์เป็นอีกหนึ่งทางที่จะช่วยลดความเสี่ยง และให้ความคุ้มครองในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น อย่าลืมเลือกทำ ประกันรถยนต์ด้วยเบี้ยที่ไม่แพง พร้อมบริการที่สะดวก
การดูแลรักษาเบรครถยนต์
- ควรเปลี่ยนผ้าเบรคทุก 25,000 กม. สำหรับรถเกียร์อัตโนมัติ หรือ เมื่อผ้าเบรคมีความหนาน้อยกว่า 4 มม หรือเหลือผ้าเบรคน้อยกว่า 30% ซึ่งขึ้นอยู่กับการใช้งาน หากเป็นรถที่มีการบรรทุกน้ำหนักมาก หรือการขับขี่ในเมืองที่มีการเบรคบ่อยๆ อายุผ้าเบรคจะสั้นลง
- ควรเปลี่ยนน้ำมันเบรคควรทุก 40,000 กม.
การตรวจเช็คน้ำมันเบรค
- ตรวจระดับน้ำมันเบรค ต้องมีระดับไม่ต่ำกว่า Min และไม่เกินระดับ Max ระวังอย่าเติมให้เกินระดับ Max
- ถ้าน้ำมันเบรคมีสีดำแสดงว่าลูกยางเบรคเสื่อมสภาพ ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรคใหม่และควรเปลี่ยนลูกยางเบรคใหม่
- สำรวจล้อตรงเบรคแต่ละข้างว่ามีคราบน้ำมันเบรคซึมออกมาหรือไม่ อาจมีการรั่วซึมของระบบเบรคได้
การทดสอบระบบเบรค
ทดสอบโดยขับรถที่ความเร็วประมาณ 40 กม.ต่อชั่วโมง จับพวงมาลัยหลวมๆ แล้วทำการเหยียบเบรคลงไปทันที แล้วสังเกตการหมุนของพวงมาลัย ถ้าไม่หมุนแสดงว่าปกติ แต่ถ้าพวงมาลัยหมุนควรไปตรวจเช็คระบบเบรคอย่างละเอียด
การสังเกตเบรคว่ามีปัญหาหรือไม่
- ถ้ามีเสียงขณะเหยียบเบรค
- หากเบรคแล้วเกิดเสียง "เอี๊ยด" เป็นสัญญาณเตือนของ ผ้าเบรค กับ จานเบรค ที่น่าจะเสียดสีกัน จนทำให้เกิดเสียงขึ้นมา หากใช้ต่อไปอาจทำให้จานเบรคเป็นรอย เมื่อจานเบรคถูกขูดเป็นรอยลึกมากๆ อาจไม่สามารถเจียได้ อาจต้องเปลี่ยนจานเบรคใหม่
- หากเบรคแล้วเกิดเสียง"ครืด" อาจเป็นไปได้ว่า ผ้าเบรค กับ จานเบรค สกปรก อาจจะเกิดจากฝุ่นหรือหินหลุดเข้าไปเสียดสีกัน แต่ถ้าดังหลังจากที่เพิ่งขับรถลุยน้ำมา เป็นเพราะสาเหตุผ้าเบรคเปียกน้ำ เมื่อขับไปสักพักเสียงก็จะหายไปเอง
- เกิดเสียงคล้ายเหล็กขูดกัน และสั่นแรงถึงแป้นเบรกลักษณะนี้เป็นสัญญาณบอกว่าผ้าเบรกหมดเกลี้ยงแล้ว นั่นคือตัวผ้าเบรกเหลือน้อยต่ำกว่ามาตรฐานหรืออาจหมดเกลี้ยงจนถึงแผ่นโลหะที่ยึดผ้าเบรก จึงเกิดการเสียดสีระหว่างเหล็กกับเหล็ก และเกิดเสียงดังขึ้น
- การดึงเบรคหากเราต้องดึงขึ้นสูงกว่าปกติ นี่ก็เป็นสัญญาบอกอย่างหนึ่งว่าเราอาจจะต้องเปลี่ยน ผ้าเบรค ได้แล้ว
- การเหยียบเบรคในแต่ละครั้งจะต้องเหยียบลึกกว่าปกติ ควรเข้าศูนย์ซ่อมเพื่อตรวจเช็ค
- สังเกตจากสัญญานไฟเตือนขึ้นที่หน้าปัดรถ
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการตรวจเช็คเบื้องต้นที่สามารถดูแลได้ด้วยตัวเอง ไม่ควรละเลยระบบเบรคเพราะมีส่วนสำคัญอย่างมากในขับขี่ให้ปลอดภัย
การทำประกันภัยรถยนต์เป็นอีกหนึ่งทางที่จะช่วยลดความเสี่ยง และให้ความคุ้มครองในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น อย่าลืมเลือกทำ ประกันรถยนต์ด้วยเบี้ยที่ไม่แพง พร้อมบริการที่สะดวก